วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

เรียงความเศรษฐกิจพอเพียง

เรียงความเศรษฐกิจพอเพียง

                    
                             เรียงความเศรษฐกิจพอเพียงในครอบครัว เป็นเรียงความดีดีที่เขียนขึ้นโดย ด.ญ. กนกวรรณ ทัศวิล ชั้น ป.5 ที่เขียนขึ้นประกวดในโครงการของ บริษัท เอบี ฟูด แอนด์ เอฟเวอร์เรจส์(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นรางวัลชนะเลิศในโครงการนี้ ซึ่งเนื้อเรื่องในเรียงความ เป็นใปในแนวทางการใช้ชีวิตพอเพียงของครอบครัวฉัน การใช้เศรษฐกิจพอเพียงในชีวิตประจำวัน การนำเอาแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั่นคือการเอาเศรษฐกิจพอเพียงนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเอง และสมาชิกในครอบครัว ซึ่งเป็น เรียงความเศรษฐกิจพอเพียงของฉัน ที่นำเอาสิ่งที่ทำอยู่ประจำในชีวิตประจำวันที่เข้ากับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาบรรยาย ออกมาให้บุคคลอื่นได้รับรู้


เรียงความเศรษฐกิจพอเพียงในครอบครัว
เรียงความเศรษฐกิจพอเพียงของฉัน







เรียงความเศรษฐกิจพอเพียง รางวัลชนะเลิศ 

เรียงความเศรษฐกิจพอเพียง รางวัลชนะเลิศ ระดับประเทศ เป็นโครงการที่โอวัลติน และเซเว่นอีเลฟเว่น ได้จัดการประกวดเขียนเรียงความเศรษฐกิจพอเพียง เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงมีแนวความคิดของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นการตอกย้ำและส่งเสริมแนวคิดตามพระราชดำริ ซึ่งในการประกวดครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประกวดถึง 2500 คนจากทั่วประเทศทีเดียว โดยคนเก่งของเรา ชื่อว่า เด็กหญิง ปริญญาพร มณฑิราช ในหัวข้อ "ชีวิตพอเพียงของครอบครัวฉัน"

เรียงความเศรษฐกิจพอเพียง
เรียงความเศรษฐกิจพอเพียง



เรียงความเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเรียงความของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนธิดานุเคราะห์ ในหัวข้อเรื่อง "ชุมชนของฉันกับวิถีพอเพียง" ซึ่งเป็นรางวัลชนะเลิศ โดยเจ้าของเรียงความ เธอมีชื่อว่า เด็กหญิงพรอิสรา วงศ์สุภาพ ซึ่งเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับสังคมของคนไทยในปัจจุบัน และการนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้กับคนไทยในปัจจุบัน
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสแก่ประชาชนชาวไทย ซึ่งเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะแต่การใช้จ่ายอย่างประหยัดเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงการมีชีวิตที่สงบสุขและยั่งยืนอีกด้วย
ชีวิตความเป็นอยู่ของฉันก็คือวิถีชีวิตของเด็กเมืองธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ผู้ซึ่งต้องตื่นแต่เช้า ฝ่าจราจรอันคับคั่งเพื่อไปโรงเรียน ต้องทนอุดอู้อยู่ในห้องเล็ก ๆ ที่ปิดกั้นมิดชิดเพื่อป้องกันมลพิษ ต้องไปเบียดเสียดกับคนหมู่มากเพื่อซื้ออาหารในโรงงอาหาร ต้องอยู่กับเพื่อน ๆ ที่มีโรคภูมิแพ้เป็นโรคประจำตัวกันมากมาย และต้องใช้ชีวิตอยู่บนสายป่านแห่งความสำเร็จรูปโดยแท้
สังคมมนุษย์มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น มีคนมาอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน เป็นสังคมมากขึ้น ซึ่งยิ่งต้องมีกฎระเบียบที่สามารถทำให้ทุกคนในสังคมสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยสงบสุข และเราคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องไปปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้าน พนักงานบริการ พ่อค้าแม่ค้า เจ้าหน้าที่รัฐ และรวมไปถึงคุณยายสูงอายุที่เดินออกกำลังกายผ่านหน้าบ้านทุกวัน
ปัจจุบันนั้น โลกได้เป็นยุคโลกาภิวัฒน์ เป็นยุคการสื่อสารไร้พรมแดน ทุกคนสามารถเข้าหาข้อมูลได้ในเวลาเดียวกันในแต่ละซีกโลก แต่นั้นก็อาจทำให้ผู้คนได้รับสิ่งใหม่ ค่านิยมใหม่ วัตถุความเจริญ และความทันสมัยใหม่ ๆ ในขณะที่อารยธรรมทางด้านจิตใจและการศึกษายังสั่งสมได้ไม่ถึงขีดสุด ซึ่งบางครั้งการได้รับเอาความเจริญแบบผิดวิธีอาจทำให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี
เกิดกระแสการบริโภคที่ไร้ขีดจำกัด มีค่านิยมใหม่ ๆ เกี่ยวกับวัตถุเงินทองมากมาย และลัทธิชื่นชมบูชาผู้ที่ประสบความสำเร็จโดยไม่เลือกวิธีการ เพื่อนของฉันนิยมไปเรียนพิเศษที่กรุงเทพ พวกเขากล่าวไว้ว่าระบบการเรียนการสอนที่นั่นมีความเพียบพร้อมสมบูรณ์ ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพ แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาเหล่านั้นก็กลับจากกรุงเทพฯ โดยมือข้างหนึ่งถือแนวข้อสอบวิชาต่าง ๆ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือถุงเสื้อผ้ามียี่ห้อจากต่างประเทศ
เพื่อนคนหนึ่งไม่ชอบกินเงาะ มังคุด ลองกอง มะละกอ หรือมะม่วง เพราะให้เหตุผลว่านั่นเป็นผลไม้ที่ “บ้านนอก” เขาจะเลือกกินแต่แคนตาลูป กีวี กล้วยหอม องุ่น เชอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ และแอปเปิ้ลเท่านั้น
เพื่อนอีกคนเป็นคนตาไว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเครื่องประดับ เสื้อผ้า รูปลักษณ์ รูปร่างของผู้สนทนา หรือผู้ที่เดินสวนทางกับเขา
ตัวอย่างเหล่านี้ เชื่อไหมว่าคือผลพวงอย่างหนึ่งของยุคโลกาภิวัฒน์ที่พัฒนามาเร็วเกินกว่าการสั่งสมทางปัญญาและภูมิต้านทางทางสังคม
นั่นเป็นเพียงไม่กี่คนในสังคมที่ข้าพเจ้าอยู่อาศัย ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ทั้งปฏิบัติและไม่เอาอย่างบุคคลข้างต้น อย่างไรก็ดี เมื่อประเทศประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ภาวะต่าง ๆ ได้เข้ามารุมเร้าผู้คนรอบด้าน ชีวิตมนุษย์ในสังคมเมือง ได้ประสบกับภาวการณ์อันจำเจและไร้ทางออกมากขึ้น ทำให้ผู้คนต่างต้องไขว่คว้าแสวงหาความสุขที่คงทนยั่งยืน
คนบางคนไม่เคยจับถือสิ่งของหนัก ๆ มาก่อนในชีวิต อาจมีบางช่วงที่ต้องหลบไปปาดน้ำตามที่หลั่งริน เนื่องจากเพราะสภาพเศรษฐกิจอันย่ำแย่และฐานะที่ไม่เหมือนแต่ก่อน

คนบางคนที่กรำงานมาเท่าชีวิตก็อาจน้ำตาตกใน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหนี้สินมากมาย และข้าวของราคาสูงกว่าแต่ก่อน
เป็นไปได้ไหมที่เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะเขาไม่อาจตัดบางสิ่งบางอย่างลงไปได้ ... บางสิ่งที่ไม่จำเป็น ... บางสิ่งที่ถึงไม่มีก็ไม่ทำให้ชีวิตชอกช้ำระกำจิต
เมื่อปัญหาต่าง ๆ นานามากเข้า ๆ ผู้คนก็หันไปประหยัดในการใช้จ่ายในการบริโภคมากขึ้น บางคนหันมาใช้รถประหยัดน้ำมันแทนรถประจำตระกูลอันโอ่อ่า บางคนหันมาใช้สบู่สมุนไพรแทนสบู่จากต่างประเทศ และมีบ้างไม่น้อยที่คิดว่าตนน่าจะท่องเที่ยวยามราตรีให้น้อยลง
สำหรับของเก่า ๆ แทนที่จะโยนมันลงทิ้งถังขยะเสีย ก็มีการนำออกมาขายให้ผู้ที่รับซื้ออีกต่อหนึ่ง เพื่อนำมันมาแปรรูปแล้วใช้ใหม่ บ้างก็นำมันไปใช้ในด้านอื่น เช่น การนำกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ใช้แล้วมาทำเป็นวัสดุรองพื้น เป็นต้น หรืออาจจะมีการนำของเก่าเก็บมาดัดแปลงให้สามารถนำอกมาใช้งานในแง่อื่น เช่น การนำขวดน้ำมาประดิษฐ์เป็นแจกันดอกไม้ เป็นต้น
นอกจากปัญหาในสังคมจะทำให้ทุกคนมีความระมัดระวังในการจับจ่ายแล้ว ยังทำให้พวกเขาต้องใช้สายตาอันกว้างไกลในการตัดสินใจกระทำสิ่งต่าง ๆ อีกด้วย เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
และที่สำคัญในการใช้ชีวิตที่พอเพียงยังทำให้ผู้คนในชุมชนมีความเอื้ออาทรต่อกัน เมื่อใครมีสิ่งใดที่มากเกินพอดีก็อาจจะนำสิ่งนั้นไปขายหรือบริจาคให้แก่ผู้อื่นอีกต่อ ๆ กันไป
ฉันคิดว่าบางทีตาแป๊ะแก่ ๆ ที่ยืนอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ อาจมีความสุขมากกว่ามหาเศรษฐีที่ไม่รู้จะนำเงินของตนไปวางไว้ที่ไหนก็ได้... ถ้าเขามีความพอเพียงพอประมาณในตนเอง
แม้ว่างบางคนในชุมชนอาจมีฐานะไม่ดี แต่ว่าเขามีความพอดี พอประมาณในความต้องการของเขาเหล่านั้น ก็สามารถใช้ชีวิตเฉกเช่นปุถุชนคนหนึ่งที่มีความสุขได้แล้ว
ฉันคิดว่าบางทีความสุขนั้นก็ไม่ได้หมายถึงปริมาณตัวเลขในบัญชี ตำแหน่งการงานหรือฐานะ หากแต่มาจากความสงบนิ่งที่เริ่มจากภายในจิตใจ ถ้าทุกคนมีวิถีชีวิตที่พอเพียง ทั้งสังคมและประเทศชาติก็จะค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ แต่ทว่า...มั่นคงได้ท่ามกลางกระแสธารแห่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น