เรียงความเศรษฐกิจพอเพียง
เรียงความเศรษฐกิจพอเพียงในครอบครัว เป็นเรียงความดีดีที่เขียนขึ้นโดย ด.ญ. กนกวรรณ ทัศวิล ชั้น ป.5 ที่เขียนขึ้นประกวดในโครงการของ บริษัท เอบี ฟูด แอนด์ เอฟเวอร์เรจส์(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นรางวัลชนะเลิศในโครงการนี้ ซึ่งเนื้อเรื่องในเรียงความ เป็นใปในแนวทางการใช้ชีวิตพอเพียงของครอบครัวฉัน การใช้เศรษฐกิจพอเพียงในชีวิตประจำวัน การนำเอาแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั่นคือการเอาเศรษฐกิจพอเพียงนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเอง และสมาชิกในครอบครัว ซึ่งเป็น เรียงความเศรษฐกิจพอเพียงของฉัน ที่นำเอาสิ่งที่ทำอยู่ประจำในชีวิตประจำวันที่เข้ากับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาบรรยาย ออกมาให้บุคคลอื่นได้รับรู้
เรียงความเศรษฐกิจพอเพียง รางวัลชนะเลิศ
เรียงความเศรษฐกิจพอเพียง รางวัลชนะเลิศ ระดับประเทศ เป็นโครงการที่โอวัลติน และเซเว่นอีเลฟเว่น ได้จัดการประกวดเขียนเรียงความเศรษฐกิจพอเพียง เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงมีแนวความคิดของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นการตอกย้ำและส่งเสริมแนวคิดตามพระราชดำริ ซึ่งในการประกวดครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประกวดถึง 2500 คนจากทั่วประเทศทีเดียว โดยคนเก่งของเรา ชื่อว่า เด็กหญิง ปริญญาพร มณฑิราช ในหัวข้อ "ชีวิตพอเพียงของครอบครัวฉัน"
เรียงความเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเรียงความของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนธิดานุเคราะห์ ในหัวข้อเรื่อง "ชุมชนของฉันกับวิถีพอเพียง" ซึ่งเป็นรางวัลชนะเลิศ โดยเจ้าของเรียงความ เธอมีชื่อว่า เด็กหญิงพรอิสรา วงศ์สุภาพ ซึ่งเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับสังคมของคนไทยในปัจจุบัน และการนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้กับคนไทยในปัจจุบัน
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสแก่ประชาชนชาวไทย ซึ่งเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะแต่การใช้จ่ายอย่างประหยัดเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงการมีชีวิตที่สงบสุขและยั่งยืนอีกด้วย
ชีวิตความเป็นอยู่ของฉันก็คือวิถีชีวิตของเด็กเมืองธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ผู้ซึ่งต้องตื่นแต่เช้า ฝ่าจราจรอันคับคั่งเพื่อไปโรงเรียน ต้องทนอุดอู้อยู่ในห้องเล็ก ๆ ที่ปิดกั้นมิดชิดเพื่อป้องกันมลพิษ ต้องไปเบียดเสียดกับคนหมู่มากเพื่อซื้ออาหารในโรงงอาหาร ต้องอยู่กับเพื่อน ๆ ที่มีโรคภูมิแพ้เป็นโรคประจำตัวกันมากมาย และต้องใช้ชีวิตอยู่บนสายป่านแห่งความสำเร็จรูปโดยแท้
สังคมมนุษย์มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น มีคนมาอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน เป็นสังคมมากขึ้น ซึ่งยิ่งต้องมีกฎระเบียบที่สามารถทำให้ทุกคนในสังคมสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยสงบสุข และเราคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องไปปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้าน พนักงานบริการ พ่อค้าแม่ค้า เจ้าหน้าที่รัฐ และรวมไปถึงคุณยายสูงอายุที่เดินออกกำลังกายผ่านหน้าบ้านทุกวัน
ปัจจุบันนั้น โลกได้เป็นยุคโลกาภิวัฒน์ เป็นยุคการสื่อสารไร้พรมแดน ทุกคนสามารถเข้าหาข้อมูลได้ในเวลาเดียวกันในแต่ละซีกโลก แต่นั้นก็อาจทำให้ผู้คนได้รับสิ่งใหม่ ค่านิยมใหม่ วัตถุความเจริญ และความทันสมัยใหม่ ๆ ในขณะที่อารยธรรมทางด้านจิตใจและการศึกษายังสั่งสมได้ไม่ถึงขีดสุด ซึ่งบางครั้งการได้รับเอาความเจริญแบบผิดวิธีอาจทำให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี
เกิดกระแสการบริโภคที่ไร้ขีดจำกัด มีค่านิยมใหม่ ๆ เกี่ยวกับวัตถุเงินทองมากมาย และลัทธิชื่นชมบูชาผู้ที่ประสบความสำเร็จโดยไม่เลือกวิธีการ เพื่อนของฉันนิยมไปเรียนพิเศษที่กรุงเทพ พวกเขากล่าวไว้ว่าระบบการเรียนการสอนที่นั่นมีความเพียบพร้อมสมบูรณ์ ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพ แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาเหล่านั้นก็กลับจากกรุงเทพฯ โดยมือข้างหนึ่งถือแนวข้อสอบวิชาต่าง ๆ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือถุงเสื้อผ้ามียี่ห้อจากต่างประเทศ
เพื่อนคนหนึ่งไม่ชอบกินเงาะ มังคุด ลองกอง มะละกอ หรือมะม่วง เพราะให้เหตุผลว่านั่นเป็นผลไม้ที่ “บ้านนอก” เขาจะเลือกกินแต่แคนตาลูป กีวี กล้วยหอม องุ่น เชอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ และแอปเปิ้ลเท่านั้น
เพื่อนอีกคนเป็นคนตาไว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเครื่องประดับ เสื้อผ้า รูปลักษณ์ รูปร่างของผู้สนทนา หรือผู้ที่เดินสวนทางกับเขา
ตัวอย่างเหล่านี้ เชื่อไหมว่าคือผลพวงอย่างหนึ่งของยุคโลกาภิวัฒน์ที่พัฒนามาเร็วเกินกว่าการสั่งสมทางปัญญาและภูมิต้านทางทางสังคม
นั่นเป็นเพียงไม่กี่คนในสังคมที่ข้าพเจ้าอยู่อาศัย ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ทั้งปฏิบัติและไม่เอาอย่างบุคคลข้างต้น อย่างไรก็ดี เมื่อประเทศประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ภาวะต่าง ๆ ได้เข้ามารุมเร้าผู้คนรอบด้าน ชีวิตมนุษย์ในสังคมเมือง ได้ประสบกับภาวการณ์อันจำเจและไร้ทางออกมากขึ้น ทำให้ผู้คนต่างต้องไขว่คว้าแสวงหาความสุขที่คงทนยั่งยืน
คนบางคนไม่เคยจับถือสิ่งของหนัก ๆ มาก่อนในชีวิต อาจมีบางช่วงที่ต้องหลบไปปาดน้ำตามที่หลั่งริน เนื่องจากเพราะสภาพเศรษฐกิจอันย่ำแย่และฐานะที่ไม่เหมือนแต่ก่อน
คนบางคนที่กรำงานมาเท่าชีวิตก็อาจน้ำตาตกใน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหนี้สินมากมาย และข้าวของราคาสูงกว่าแต่ก่อน
คนบางคนที่กรำงานมาเท่าชีวิตก็อาจน้ำตาตกใน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหนี้สินมากมาย และข้าวของราคาสูงกว่าแต่ก่อน
เป็นไปได้ไหมที่เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะเขาไม่อาจตัดบางสิ่งบางอย่างลงไปได้ ... บางสิ่งที่ไม่จำเป็น ... บางสิ่งที่ถึงไม่มีก็ไม่ทำให้ชีวิตชอกช้ำระกำจิต
เมื่อปัญหาต่าง ๆ นานามากเข้า ๆ ผู้คนก็หันไปประหยัดในการใช้จ่ายในการบริโภคมากขึ้น บางคนหันมาใช้รถประหยัดน้ำมันแทนรถประจำตระกูลอันโอ่อ่า บางคนหันมาใช้สบู่สมุนไพรแทนสบู่จากต่างประเทศ และมีบ้างไม่น้อยที่คิดว่าตนน่าจะท่องเที่ยวยามราตรีให้น้อยลง
สำหรับของเก่า ๆ แทนที่จะโยนมันลงทิ้งถังขยะเสีย ก็มีการนำออกมาขายให้ผู้ที่รับซื้ออีกต่อหนึ่ง เพื่อนำมันมาแปรรูปแล้วใช้ใหม่ บ้างก็นำมันไปใช้ในด้านอื่น เช่น การนำกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ใช้แล้วมาทำเป็นวัสดุรองพื้น เป็นต้น หรืออาจจะมีการนำของเก่าเก็บมาดัดแปลงให้สามารถนำอกมาใช้งานในแง่อื่น เช่น การนำขวดน้ำมาประดิษฐ์เป็นแจกันดอกไม้ เป็นต้น
นอกจากปัญหาในสังคมจะทำให้ทุกคนมีความระมัดระวังในการจับจ่ายแล้ว ยังทำให้พวกเขาต้องใช้สายตาอันกว้างไกลในการตัดสินใจกระทำสิ่งต่าง ๆ อีกด้วย เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
และที่สำคัญในการใช้ชีวิตที่พอเพียงยังทำให้ผู้คนในชุมชนมีความเอื้ออาทรต่อกัน เมื่อใครมีสิ่งใดที่มากเกินพอดีก็อาจจะนำสิ่งนั้นไปขายหรือบริจาคให้แก่ผู้อื่นอีกต่อ ๆ กันไป
ฉันคิดว่าบางทีตาแป๊ะแก่ ๆ ที่ยืนอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ อาจมีความสุขมากกว่ามหาเศรษฐีที่ไม่รู้จะนำเงินของตนไปวางไว้ที่ไหนก็ได้... ถ้าเขามีความพอเพียงพอประมาณในตนเอง
แม้ว่างบางคนในชุมชนอาจมีฐานะไม่ดี แต่ว่าเขามีความพอดี พอประมาณในความต้องการของเขาเหล่านั้น ก็สามารถใช้ชีวิตเฉกเช่นปุถุชนคนหนึ่งที่มีความสุขได้แล้ว
ฉันคิดว่าบางทีความสุขนั้นก็ไม่ได้หมายถึงปริมาณตัวเลขในบัญชี ตำแหน่งการงานหรือฐานะ หากแต่มาจากความสงบนิ่งที่เริ่มจากภายในจิตใจ ถ้าทุกคนมีวิถีชีวิตที่พอเพียง ทั้งสังคมและประเทศชาติก็จะค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ แต่ทว่า...มั่นคงได้ท่ามกลางกระแสธารแห่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น